เมื่อวันที่ 16 ธันวาคม 2568 นางสาวรณพพัณณ์ กปิตถัย หัวหน้าสำนักงานหนังสือเดินทางฯ เชียงใหม่ ได้ร่วมต้อนรับนางสาวนีฟ คอลิเออร์ - สมิธ ผู้แทนโครงการพัฒนาแห่งสหประชาชาติ (UNDP) ในประเทศไทย ดร.ออเดรย์ โรชเฌอมาญ รองหัวหน้าฝ่ายความร่วมมือ และนายกานต์ รามอินทรา หัวหน้าโครงการโครงการพัฒนาแห่งสหประชาชาติ (UNDP) ในประเทศไทย และคณะ ที่มาเยี่ยมคารวะนายศิวกร บัวป้อง รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ ณ ห้องปฏิบัติการจังหวัดเชียงใหม่ (POC) ศาลากลางจังหวัดเชียงใหม่ เพื่อหารือข้อราชการร่วมกันและรับฟังการรายงานผลการดำเนินงานเกี่ยวกับความร่วมมือในการนำ SDGs ไปปฏิบัติในระดับท้องถิ่น ภายใต้โครงการ SDG Localisation in Thailand ระยะที่ 2 (SDG - L 2.0) โดยเฉพาะแนวทางการพัฒนาความร่วมมือข้ามพรหมแดนระหว่างกัน

โครงการ SDG Localisation เป็นโครงการที่ได้รับการสนับสนุนจากสหภาพยุโรปและกระทรวงมหาดไทย ซึ่งเป็นกรอบการพัฒนาในระดับประเทศที่ประเทศต่างๆ ได้ลงนามความร่วมมือร่วมกันเพื่อนำไปสู่การขับเคลื่อนเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน โดยการรประชุมในครั้งนี้เป็นการประชุมหารือเพื่อแลกเปลี่ยนมุมมองด้านการพัฒนาโครงการต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับแผนการทำงานร่วมกันระหว่างจังหวัดเชียงใหม่ UNDP และสหภาพยุโรป ภายใต้โครงการ SDG Localisation โดยเฉพาะในประเด็นสำคัญที่เกี่ยวข้องกับการคุ้มครองทางสังคม มลพิษข้ามแดน และการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน โดยจังหวัดเชียงใหม่ เป็น 1 ใน 15 จังหวัดนำร่อง ที่ได้ทำงานร่วมกับ SDG และ UNDP มาตั้งแต่ระยะที่ 1 ต่อเนื่องมาสู่ในระยะที่ 2 ที่เป็นการดำเนินการในเชิงลึกมากขึ้น โดยจังหวัดเชียงใหม่ได้นำเอาเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน 17 ประเด็น ของ SDGs ที่องค์การสหประชาชาติ (UN) ได้กำหนดขึ้นผนวกเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของแผนพัฒนาจังหวัด จากนั้นจึงได้กำหนดประเด็นการพัฒนาให้สอดคล้องกันไป โดยเฉพาะในเรื่องของการท่องเที่ยวที่เป็นเครื่องจักรสำคัญที่ทำให้ประชาชนมีอาชีพ มีรายได้ โดยอาศัยต้นทุนทางธรรมชาติและประเพณี วัฒนธรรมที่มีเอกลักษณ์ของจังหวัดเชียงใหม่เป็นตัวดึงดูด ส่วนด้านการเกษตรได้มุ่งส่งเสริมให้เกษตรกรใช้พื้นที่ที่มีจำกัดมาปลูกพืชที่มีมูลค่าสูงและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เช่น กาแฟ อโวคาโด โกโก้ และแมคคาเดเมีย โดยเฉพาะในพื้นที่สูง เพื่อลดปัญหาการเผา ลดฝุ่นละออง PM 2.5 ซึ่งเป็นปัญหาทางด้านสิ่งแวดล้อมและมลพิษซึ่งจังหวัดเชียงใหม่ต้องประสบปัญหามาอย่างยาวนาน จึงต้องอาศัยการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วน โดยระดมความคิดจากผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องนำมากำหนดเป็นแผนระยะ 5 ปี เน้นมาตรการลดการเผา เปลี่ยนวัสดุทางการเกษตรมาใช้ให้เกิดประโยชน์แทนการเผา และนำเทคโนโลยีต่างๆ มาใช้ควบคู่ ทำให้ปัจจุบันสถานการณ์และสถิติต่างๆ เริ่มมีแนวโน้มดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม ในเรื่องของปัญหาหมอกควันข้ามแดน ยังเป็นสิ่งที่ต้องหาทางแก้ไขกันต่อไป