เมื่อวันที่ 21-23 สิงหาคม 2567 นายนฤชัย นินนาท รองอธิบดีกรมการกงสุล พร้อมด้วยผู้แทนจากกองบังคับการปราบปรามการค้ามนุษย์ กองบังคับการตรวจสอบและวิเคราะห์อาชญากรรมทางเทคโนโลยี กองป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กองต่อต้านการค้ามนุษย์ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ และกองคุ้มครองและดูแลผลประโยชน์คนไทยในต่างประเทศ กรมการกงสุล ได้เดินทางเยือนกัมพูชาเพื่อเข้าร่วมโครงการคุ้มครองและช่วยเหลือคนไทยที่ตกเป็นเหยื่อไฮบริดสแกมและการค้ามนุษย์ในกัมพูชา ณ กรุงพนมเปญและจังหวัดสวายเรียง ซึ่งสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงพนมเปญ จัดขึ้นเพื่อฝ่ายไทยและกัมพูชาได้หารือและแลกเปลี่ยนประสบการณ์และแนวทางการให้ความช่วยเหลือคนไทยที่ถูกหลอกและตกเป็นเหยื่อของขบวนการไฮบริดสแกมคอลเซ็นเตอร์และการค้ามนุษย์ในกัมพูชา
คณะพร้อมด้วยผู้แทนสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงพนมเปญ ได้พบหารือกับอธิบดีกรมการกงสุลกัมพูชา ผู้แทนสำนักงานตำรวจแห่งชาติกัมพูชาและผู้แทนสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองกัมพูชาเพื่อ (1) เน้นย้ำท่าทีของไทยที่ให้ความสำคัญในการป้องกันและแก้ไขปัญหาขบวนการไฮบริดสแกม คอลเซ็นเตอร์และค้ามนุษย์อย่างจริงจังและพร้อมให้ความร่วมมือกับฝ่ายกัมพูชาในการจัดการกับปัญหาดังกล่าว ซึ่งถือเป็นปัญหาระดับภูมิภาค (2) ขอบคุณฝ่ายกัมพูชาที่ตอบรับข้อเสนอของฝ่ายไทยในการส่งกลับคนไทยที่ได้รับความช่วยเหลือในจังหวัดพระสีหนุและพื้นที่โดยรอบผ่านทางจุดผ่านแดนถาวรบ้านหาดเล็ก จังหวัดตราด ซึ่งช่วยลดระยะทางและเวลาในการเดินทาง และ (3) ขอความร่วมมือกับฝ่ายกัมพูชาในการส่งต่อข้อมูล/หลักฐานเพื่อประกอบการดำเนินคดีกับผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการไฮบริดสแกม ขอให้ช่วยเหลือส่งกลับคนไทยทุกคนเมื่อเข้าตรวจค้นสถานที่ต้องสงสัย และพิจารณาคัดกรองผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์เบื้องต้นก่อนส่งกลับประเทศไทย
นอกจากนี้ คณะได้พบหารือกับรองผู้ว่าราชการจังหวัดสวายเรียงและผู้แทนสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองสวายเรียง เพื่อขอบคุณที่ให้ความร่วมมือกับสถานเอกอัครราชทูตฯ ในการให้ความช่วยเหลือคนไทยในจังหวัดสวายเรียง ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีคนไทยตกเป็นเหยื่อของขบวนการไฮบริดสแกมและคอลเซ็นเตอร์จำนวนมากและมีแนวโน้มสูงขึ้น และขอให้ช่วยดูแลคนไทยระหว่างรอการส่งตัวไปยังกรุงพนมเปญ
ในโอกาสนี้ คณะได้พบกับคนไทย จำนวน 4 คน ที่ได้รับการช่วยเหลือจากจังหวัดสวายเรียง และถูกควบคุมตัวที่สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองกรุงพนมเปญ เพื่อรอเดินทางกลับประเทศไทยด้วย