กรณีมาตรการการตรวจลงตรานักท่องเที่ยวจีนที่ยื่นผ่านบริษัทนำเที่ยวของจีน
ตามที่ปรากฏการรายงานข่าวว่า กระทรวงการต่างประเทศได้กำหนดมาตรการการตรวจลงตราใหม่ ซึ่งจะเริ่มมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ ๘ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๖๖ สำหรับบริษัทนำเที่ยวของจีน ส่งผลให้เกิดความกังวลว่าจะมีผลกระทบต่อการเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทยของนักท่องเที่ยวจีนและเรียกร้องให้มีการทบทวนมาตรการดังกล่าว นั้น
กระทรวงการต่างประเทศขอเรียน ดังนี้
- กระทรวงการต่างประเทศไม่ได้กำหนดมาตรการการตรวจลงตราเพิ่มเติมใด ๆ ดังที่ปรากฏในสื่อ
- ในกรณีของประเทศจีน กระทรวงการต่างประเทศเพียงกำชับสถานเอกอัครราชทูตและสถานกงสุลใหญ่ทุกแห่งให้ปฏิบัติตามระเบียบและแนวปฏิบัติการตรวจลงตราที่มีอยู่แล้ว โดยในกรณีของการตรวจลงตรานักท่องเที่ยวจีนผ่านบริษัทนำเที่ยว ก็ขอให้บริษัทนำเที่ยวกรอกข้อมูลและอัพโหลดเอกสารผ่านระบบการตรวจ ลงตราอิเล็กทรอนิกส์ (e-Visa) ให้ถูกต้องและครบถ้วน (มิใช่มาตรการใหม่) ซึ่งเป็นมาตรฐานเดียวกับการยื่นขอรับการตรวจลงตราโดยนักท่องเที่ยวที่ประสงค์จะขอยื่นด้วยตนเอง เพื่อให้สถานเอกอัครราชทูตและสถานกงสุลใหญ่สามารถพิจารณาคำร้องและคัดกรองการเดินทางในฐานะหน่วยงานหน้าด่านได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- กระทรวงการต่างประเทศจึงขอเน้นย้ำว่า การดำเนินการดังกล่าวมิใช่การกำหนดมาตรการใหม่ แต่อย่างใด โดยระบบ e-Visa แบบไร้แผ่นปะได้เริ่มใช้มา ๒ ปีแล้วเพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่นักท่องเที่ยวจีน ทั้งนี้ ในส่วนของเอกสารและหลักฐานประกอบการขอรับการตรวจลงตราก็เป็นเอกสารพื้นฐานซึ่งเป็นมาตรฐานเดียวกับการขอรับการตรวจลงตราท่องเที่ยวของประเทศต่าง ๆ เช่น สำเนาหนังสือเดินทาง หลักฐานการสำรอง ที่พัก บัตรโดยสารเครื่องบิน และหลักฐานการเงิน
- กระทรวงการต่างประเทศตระหนักถึงความสำคัญของการส่งเสริมการท่องเที่ยวและแนวโน้ม การเดินทางของนักท่องเที่ยวจีนที่จะเพิ่มมากขึ้น จึงได้กำหนดมาตรการและกลไกต่าง ๆ ได้แก่ (๑) การเปิดให้บริการ e-Visa ซึ่งทำให้นักท่องเที่ยวในจีนสามารถยื่นขอรับการตรวจลงตราผ่านระบบออนไลน์ได้ ๗ วัน ๒๔ ชั่วโมง โดยไม่ต้องเดินทางมายังสถานเอกอัครราชทูตหรือสถานกงสุลใหญ่ (๒) การกำหนดทางเลือกในการยื่นคำร้องด้วยตนเอง หรือผ่านบริษัทนำเที่ยว ทั้งนี้ บริษัทนำเที่ยวดังกล่าวจะต้องขึ้นทะเบียนกับสถานเอกอัครราชทูตและสถานกงสุลใหญ่ตามหลักเกณฑ์ที่กำหนด ซึ่งรวมถึงการผ่านกระบวนการคัดกรองของทางการจีนแล้ว โดยมาตรการดังกล่าวให้ความสำคัญต่อการสร้างความสมดุลระหว่างการส่งเสริมการท่องเที่ยวและการตรวจสอบด้านความมั่นคง
- เพื่อให้เกิดความเข้าใจที่ถูกต้อง กระทรวงการต่างประเทศได้มอบหมายให้สถานเอกอัครราชทูต และสถานกงสุลใหญ่ในจีนทุกแห่งเร่งสร้างความเข้าใจกับภาคส่วนต่าง ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งบริษัทนำเที่ยวให้ดำเนินการตามระเบียบและแนวปฏิบัติที่มีอยู่แล้วอย่างเคร่งครัดซึ่งมิได้เป็นการกำหนดมาตรการใหม่แต่อย่างใด
-------------------------------------------
กรมการกงสุล กระทรวงการต่างประเทศ
๑ พฤษภาคม ๒๕๖๖