เมื่อวันที่ 9 มกราคม 2568 เวลา 09.30 น. นางอรวิจิตร์ จันทรังสี หัวหน้าสำนักงานหนังสือเดินทางฯ ภูเก็ต เข้าร่วมการประชุมเตรียมความพร้อมในการป้องกันภัยพิบัติ จัดโดยสถานกงสุลใหญ่ออสเตรเลียประจำจังหวัดภูเก็ต ณ ห้องประชุม สถานกงสุลใหญ่ออสเตรเลียประจำจังหวัดภูเก็ต โดยมีนาง Kirsten Louise Fletcher กงสุลใหญ่ออสเตรเลียประจำจังหวัดภูเก็ต เป็นประธานการประชุมฯ และมีผู้แทนจากสถานเอกอัครราชทูตออสเตรเลียประจำประเทศไทยเข้าร่วม ได้แก่ (1) นาย Adrian Jensz ที่ปรึกษาฝ่ายบริหาร (2) นาย Stuart Bulloch เลขานุการเอก และ (3) น.ส. ปารณีย์ พิหเคนทร์ ผู้ช่วยสืบสวน และฝ่ายไทยมีผู้เข้าร่วม ได้แก่ (1) พ.ต.อ. ธีรวัฒน์ เลี่ยมสุวรรณ รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต และ (2) ว่าที่ พ.ต.ท. วชิรพิศักดิ์ ณ สงขลา สารวัตรตำรวจท่องเที่ยว กองบังคับการตำรวจท่องเที่ยวภูเก็ต
ฝ่ายออสเตรเลียโดยกงสุลใหญ่ออสเตรเลียประจำจังหวัดภูเก็ต แจ้งว่า สถานกงสุลใหญ่ออสเตรเลียฯ ได้จัดการประชุมและดำเนินการแผนซักซ้อมสำหรับเผชิญภัยพิบัติเป็นประจำทุกปี โดยเมื่อปี 2567 จำลองเหตุการณ์ไฟไหม้ ณ ซอยบางลา บริเวณหาดป่าตอง และในปี 2568 นี้ จะจำลองเหตุการณ์ดินถล่ม ซึ่งได้เกิดขึ้น ณ จังหวัดภูเก็ต เมื่อเดือนสิงหาคม 2567 โดยการจัดทำแผนดังกล่าวเป็นไปเพื่อให้นักท่องเที่ยวชาวออสเตรเลียสามารถเตรียมตัวและรับมือกับภัยพิบัติได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวมทั้งสามารถได้รับข้อมูลที่ถูกต้องเพื่อดูแลชีวิตและทรัพย์สิน ทั้งนี้ แสดงความขอบคุณต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของฝ่ายไทยและจังหวัดภูเก็ต ที่ประสานงานอย่างใกล้ชิดและให้ความร่วมมือด้วยดีเสมอมา
ฝ่ายไทยโดยรองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต แจ้งว่า ในกรณีเกิดภัยพิบัติ ตำรวจจะเป็นหน่วยงานแรกที่ได้รับรายงานและเข้าสู่พื้นที่ อย่างไรก็ดี สำหรับเหตุภัยพิบัติขนาดใหญ่ จังหวัดภูเก็ตจะมีการตั้งศูนย์อำนวยการ โดยมีผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ตเป็นผู้บัญชาการศูนย์ฯ ในการบูรณาการหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ ตำรวจ สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย หน่วยแพทย์ มูลนิธิ เพื่อเป็นจุดติดต่อประสานหลักในการให้ข้อมูลที่ถูกต้องแท้จริงแก่สถานเอกอัครราชทูตหรือสถานกงสุลใหญ่ รวมทั้งสื่อมวลชน ทั้งนี้ เน้นย้ำว่า ตำรวจไทยในพื้นที่จังหวัดภูเก็ต ทั้งตำรวจในพื้นที่ ตำรวจท่องเที่ยว และตรวจคนเข้าเมือง ทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิด เพื่อดูแลรักษาความปลอดภัยให้แก่นักท่องเที่ยวต่างชาติ และพร้อมประสานงานอย่างใกล้ชิดต่อไป
นอกจากนี้ ทั้งสองฝ่ายยังได้แลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นเกี่ยวกับการเผชิญเหตุฉุกเฉินและภัยพิบัติต่าง ๆ เช่น การจัดพื้นที่สำหรับอพยพ การตั้งศูนย์พักพิงสำหรับผู้รอดชีวิตแต่สูญเสียที่พักอาศัย ทรัพย์สิน รวมถึงญาติพี่น้อง ตลอดจนการจัดหาจิตแพทย์หรือนักบำบัดที่เหมาะสมสำหรับผู้ผ่านเหตุภัยพิบัติ เป็นต้น